เทหมดหน้าตัก! “อัจฉริยะ” ลุยเต็มสูบ หวังรื้อคดีแตงโม แง้มหลักฐานเด็ดเพียบ #ถกไม่เถียง

อัจฉริยะ เปิดใจ เหตุนำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง วันที่ 18 พ.ค. 2565 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มี DNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่ แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง รื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน ด้าน เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ 6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระน้ำค่อนข้างแรง อ่านต่อ https://ift.tt/lf4Mx6s

from Popular Right Now - Thailand https://www.youtube.com/watch?v=i2spqz7zwoo
via อีสาน บ้านหนองฮี Isan Ban Nong Hee

ความคิดเห็น